Friday, January 31, 2014

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว


การใช้คอมพิวเตอร์กับธุรกิจโรงแรม

        ปัจจุบันได้มีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการบริหารกิจการของโรงแรม โดยการติดตั้งเครื่องพ่วงเทอร์มินัลสำหรับการรับส่งข้อมูลไว้ยังจุดบริการต่างๆ ของโรงแรม เช่น แผนกต้อนรับ บาร์ ภัตตาคาร คอฟฟี่ช้อป แผนกบริการจองห้องพัก พนักงานเงิน เป็นต้น ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ที่มาพัก การจองห้องพักจะถูกส่งเข้ามาทางเครื่องพ่วงดังกล่าว จากนั้นจะนำข้อมูลไปลงบัญชีด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งแขกที่มาพักต้องการออกจากโรงแรม พนักงานการเงินจะเรียกรายการบัญชีของแขกที่มาพักที่ได้บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ออกมา และสังพิมพ์ใยเสร็จให้แขกที่มาพักได้ทันที นอกจากนี้ผู้บริการโรงแรมยังสามารถเรียกข้อมูลและสั่งพิมพ์รายงานสรุปผลการทำงานประจำวัน ทำให้สามารถประมาณการและวางแผนได้ดียิ่งขึ้น

การใช้คอมพิวเตอร์ในวงการอุตสาหกรรมทั่วไป

        การใช้คอมพิวเตอร์ในวงการอุตสาหกรรม นอกจากจะใช้ในด้านการลงบัญชีประเภทต่างๆ และการวิเคราะห์การขายแล้ว ยังได้มีการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการควบคุมสินค้าคงเหลืออย่างได้ผล โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีโกดังเก็บของอยู่หลายแหล่ง หรือหน่วยผลิตอยู่หลายๆ ที่ คอมพิวเตอร์สามารถบอกยอดสินค้าคงเหลือ และออกเป็นรายงานได้ตามที่ต้องการ การใช้เครื่องพ่วงตามจุดต่างๆ ตลอดจนตามโกดังจะช่วยให้สามารถเพิ่มบริการให้กับลูกค้า ในด้านการควบคุมการผลิตสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมคุณภาพโดยการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวอย่างผลผลิตมาเปรียบเทียบกับคุณภาพมาตรฐานที่วางไว้ และยังสามารถตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมบางแห่งยังนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการควบคุมกระบวนการผลิต (Process Control) เช่นการควบคุมการให้ส่วนผสมให้ถูกต้อง ควบคุมอุณหภูมิ เป็นต้น ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการผลิตสินค้าใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างแบบเสื้อ รองเท้า โดยใช้ต้นแบบที่นักออกแบบวาดขึ้นมาทำให้สามาถผลิตได้ตามแบบและขนาดที่ต้องการได้อย่างเม่นยำ

การเปลี่ยนสู่ยุคสังคมอิเล็กทรอนิกส์ (E-Society)


        โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์ (2551 : 342-343) ได้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลสู่ยุคสังคมอิเล็กทรอนิกส์ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการรวมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า ICT (Information and Commnunication Technology) ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันมากขึ้น คนในสังคมจึงต้องปรับตัวมากขึ้นเพื่อเข้าสู่โลกยุคใหม่ นักศึกษาสามารถหาแหล่งความรู้มากมายจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ธุรกิจต้องแข็งขันกันในเรื่องของความรอบรู้ และเพื่อความอยู่รอด ภาครัฐใช้เพื่อให้บริการประชาชนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

        ปัจจุบันมีการพูดถึง “E” กันอย่างแพร่หลายทั้งนี้เพราะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในทุกมิติของการทำงานในชีวิตประจำวันมากขึ้น อริสา คูประสิทธิ์ (2553) ได้รวบรวมและแบ่งประเภทออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

กลุ่มที่ 1 อี ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล

e-Government หรือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาในภาครัฐ โดยการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์คือการนำสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการบริการประชาชน (front office) และการบริหารภาครัฐ (back office)

e-Industry หรือ การนำเทรโคโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาในภาคการผลิตเช่น การพัฒนาข้อมูลศูนย์การตลาดและตลาดกลางสินค้าอุตสาหกรรม การพัฒนาในภาคอุตสาหกรรม ICT และการนำ ICT มาสนับสนุนการพัฒนา SMEs เป็นต้น

e-Commerce หรือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาในภาคการพาณิชย์ เช่นเรื่องกฏหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และการจัดการฐานข้อมูลและระบบจัดการข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อส่งเสริม SMEs เป็นต้น

e-Society หรือการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาในภาคสังคม เพื่อลดการเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้ และส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับกลุ่มด้อยโอกาสและประชาชนในชนบทรวมถึงการสร้างเครือข่ายระหว่างกลุ่มสังคม

e-Education หรือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทสและการสื่อสารมาพัฒนาในภาคการศึกษา โดยเป็นการจัดหา สร้าง ส่งเสริมและสนับสนุน โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้

กลุ่มที่ 2 อี ที่เป็นงานหรือกิจกรรม

e-Book คือหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ที่จัดทำข้อมูบในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสามารถเผยแพร่ผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ หรือผ่านอุปกรณ์จัดเก็บบันทึกข้อมูลคอมแพคดิสก์ โดยสามารถจัดทำให้มีการนำภาพเคลื่อนไหว วิดีโอ เสียงหรือเกมส์ มาใช้ประกอบเนื้อหาได้

e-Business คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร บริการและสินค้าระหว่างธรุกิจผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์และระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์

e-Citizen คือเว็บไซต์ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองการพัฒนา e-Government โดยมีการให้บริการข้อมูลและการทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ทั้งในส่วนของการบริการประชาชน การบริการธุรกิจ และการบริการภาครัฐ

e-Commerce คือการทำธุรกรมขายสินค้าและบริการผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์และระบบเครือข่ายออนไลน์

e-Form คือแบบฟอร์มการขอรับบริการที่ถูกจัดเก็บไว้บนเว็บไซต์ให้ผู้ที่ต้องการรับบริการในเรื่องนั้นๆ ได้สามารถดาวน์โหลดเพื่อโอนไฟล์ข้อมูลมาเก็บไว้ที่เครื่องของตนเองเพื่อพิมพ์แบบฟอร์มไว้กรอก หรือสามารถกรอกผ่านทางเว็บไซต์ในรูปแบบที่หน้าตาที่เหมือนฟอร์มเอกสาร

e-Learning คือระบบการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ ซึ่งมีทั้งแบบผู้เรียนเข้าไปดูบทเรียนและทำแบบฝึกหัดบนเครื่องแม่ข่าย หรือผู้เรียนเข้าไปเรียนและโต้ตอบกับผู้สอนผ่านเครื่องแม่ข่ายในเวลาเดียวกันโดยมีเนื้อหาเป็นข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง วิดีโอ

e-Library คือระบบการสืบค้น เรียกดู ยืมคืนทรัพยากรห้องสมุดผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ รวมทั้งสามารถเรียกเก็บ และตัดยอดสมาชิก ค่าบริการ ค่าปรับผ่านระบบเครือข่ายได้เลย

e-Magazine คือ นิตยสารที่จัดทำในรูปการนำเสนอข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถเผยแพร่ผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์

e-Mail คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเปรียบเสมือนจดหมายทั่วไป เพียงแต่ว่าทำงานบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยมีรูปแบบของที่อยู่คือ ชื่อผู้รับตามด้วยเครื่องหมาย “@” และตามด้วยที่อยู่บนเครือข่ายของผู้รับเช่น paisarn77@hotmail.com

e-Money คือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีข้อมูลด้านการเงินและใช้แทนเงิน

e-Procurement คือ การจัดซื้อ จัดจ้างภาครัด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีระบบย่อยได้แก่ e-Auction คือการประมูล , e-Shopping คือการเลือกซื้อสินค้า , e-Catalog คือการแสดงรายละเอียดสินค้า และ e-RFP คือการส่งคำขอไปยังผู้ขาย

e-Service คือการให้บริการข้อมูลและการทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายออนไลน์

e-Signature คือ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ยืนยันตัวตนเมื่อใช้บริการในอินเตอร์เน็ต




No comments:

Post a Comment